เลือกจัดฟันแบบไหนดี? โลหะ vs เซรามิก vs Damon vs Invisalign

กำลังเลือกว่าจะจัดฟันแบบไหนดี? รีวิวเปรียบเทียบการจัดฟัน 4 ประเภท ทั้งจัดฟันโลหะ, เซรามิก, Damon และจัดฟันใส Invisalign เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด

อยากมีรอยยิ้มสวยเป๊ะ แต่พอจะเริ่มหาข้อมูล จัดฟัน ก็ต้องตาลาย! เพราะปัจจุบันมี ประเภทของการจัดฟัน ให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่แบบเหล็กสีสันสดใส ไปจนถึงแบบใสที่แทบมองไม่เห็น แล้วแบบนี้จะเลือกจัดฟันแบบไหนดี ถึงจะเหมาะกับเราที่สุด? Berry Dent จะมาเปรียบเทียบการจัดฟัน ยอดฮิต 4 ประเภทแบบชัดๆ ทั้งข้อดี ข้อเสีย และเรื่องสำคัญอย่าง ราคาจัดฟัน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น 

เปรียบเทียบการจัดฟันแต่ละประเภท เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณที่สุด 

1. จัดฟันโลหะ (Metal Braces) – แบบคลาสสิก ยอดนิยม 

การจัดฟันที่ทุกคนคุ้นเคย เป็นการติดเครื่องมือโลหะ (Bracket) ที่ผิวฟันและใช้ยางสีต่าง ๆ (O-ring) ในการรัดลวดให้อยู่กับที่ 

เหมาะกับใคร? เหมาะกับทุกเพศทุกวัย สามารถใช้ได้กับทุกสภาพฟัน แม้แต่เคสที่มีความซับซ้อนมาก ๆ 

ข้อดี แข็งแรง ทนทาน ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง และที่สำคัญคือมี ราคาจัดฟัน ที่ย่อมเยาที่สุดในทุกประเภท 

ข้อเสีย มองเห็นเครื่องมือได้ชัดเจน อาจทำให้ระคายเคืองช่องปากในช่วงแรก และต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือน เพื่อปรับเครื่องมือและเปลี่ยนยาง 

2. จัดฟันเซรามิก (Ceramic Braces) – สวยงาม กลมกลืน 

การทำงานเหมือนจัดฟันโลหะทุกอย่าง แต่เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำแบร็คเก็ต จากโลหะเป็นเซรามิกสีขาวขุ่น ที่คล้ายกับสีฟันธรรมชาติ 

เหมาะกับใคร? คนที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากให้เห็นเครื่องมือชัดเจน เช่น วัยทำงาน แอร์โฮสเตส หรือคนที่ไม่ชอบสีสันของยางจัดฟัน 

ข้อดี สวยงามกว่าแบบโลหะอย่างเห็นได้ชัด เพราะเครื่องมือจะกลืนไปกับสีฟัน 

ข้อเสีย ราคาสูงกว่าแบบโลหะ แบร็คเก็ตอาจแตกหักได้ง่ายกว่า และอาจติดสีจากอาหารหรือเครื่องดื่มได้ หากดูแลไม่ดีพอ 

3. จัดฟันดามอน (Damon System) – เจ็บน้อย เสร็จเร็ว 

เป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่ไม่ต้องใช้ยางรัด แต่ตัวแบร็คเก็ตจะมีคลิปหรือบานพับเล็ก ๆ สำหรับยึดลวด ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและนุ่มนวลกว่า 

เหมาะกับใคร? คนที่ต้องการลดความเจ็บปวดระหว่างจัดฟัน และอยากให้การรักษาเสร็จเร็วขึ้น 

ข้อดี เจ็บน้อยกว่า เพราะมีแรงเสียดทานต่ำ ไม่ต้องมาพบแพทย์บ่อย (ประมาณ 6-8 สัปดาห์/ครั้ง) และมีโอกาสทำให้การจัดฟันเสร็จเร็วกว่าแบบปกติ 

ข้อเสีย ราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะและเซรามิก 

4. จัดฟันแบบใส (Invisalign) – ที่สุดของความสวยงามและสะดวกสบาย 

เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส ที่ทำขึ้นเฉพาะบุคคล สามารถถอดเข้า-ออกได้ โดยต้องเปลี่ยนเครื่องมือชุดใหม่ทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ตามแผนการรักษาของทันตแพทย์ 

เหมาะกับใคร? คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ากำลังจัดฟัน และต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต 

ข้อดี แทบมองไม่เห็นเครื่องมือ สามารถถอดได้เวลารับประทานอาหารและแปรงฟัน ทำให้ดูแลความสะอาดง่ายมาก 

ข้อเสีย ราคาจัดฟัน สูงที่สุดในทุกประเภท ต้องมีวินัยในการใส่อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน และอาจไม่เหมาะกับเคสที่มีความซับซ้อนสูงมาก 

ไม่ว่าจะเลือกประเภทของการจัดฟันแบบไหน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ การดูแลความสะอาดช่องปากที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเครื่องมือจัดฟัน คือแหล่งสะสมเศษอาหารและคราบแบคทีเรียชั้นดี การเลือกใช้ยาสีฟันที่ตอบโจทย์จึงสำคัญมาก ขอแนะนำ ยาสีฟันสมุนไพรไฮบริด Berry Dent ที่ผสานพลังของสมุนไพรธรรมชาติที่ช่วยดูแลเหงือกให้แข็งแรง ลดการอักเสบ เข้ากับนวัตกรรมฟลูออไรด์ 1500 ppm ที่ช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนจัดฟัน ที่ต้องการการดูแลแบบครบวงจรทั้ง สุขภาพเหงือกและฟันในหลอดเดียว